5 นักเตะ ผู้ขายวิญญาณให้ ‘ไอ้ม้าล้าย’ ยูเวนตุส
1 min read
ย้อนความไปเมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้ว ในฤดูกาล 2006-07 ก็ได้เกิดวันแห่งประวัติศาสตร์ของ ซีเรีย อา อิตาลี
เมื่อยอดทีมในสมัยนั้นอย่าง ยูเวนตุส ถูกตัดสินว่ามีเอี่ยวกับการทุจริตในการล็อคผล จนถูกปรับตกชั้นทันที และยังถูกตัด
อีก 30 คะแนน ในฤดูกาลถัดไปอีกด้วย แม้ในภายหลังจะโดนลดโทษเหลือ 9 แต้ม แต่ก็ไม่สามารถรั้งสตาร์ในทีมอย่าง
อิบราฮิโมวิช, เอเมอร์สัน, ซามบร็อตตา, วิเอร่า, อาเดรียน มูตู, คันนาวาโร่, ตูราม พากันย้ายหนี
ในขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาเลวร้ายนี้ ก็เสมือนเป็นหนึ่งบททดสอบ ว่าจิตใจของนักเตะแต่ละคนในทีมเป็นอย่างไร
โดยก็มีกำลังหลักบางคน ที่ยอมตกต่ำไปพร้อมกับทีม และพาทีมกลับขึ้นมายังลีคสูงสุดได้สำเร็จ และนี่ ก็คือ 5 ขุนพล
ผู้ขายวิญญาณให้ยูเวนตุส
1. พาเวล เนดเวด
”เมื่อมองย้อนกลับไปผมพอใจมากที่ได้เผชิญหน้ากับประสบการณ์นั้น เพราะเราได้ความเคารพ ไม่เพียงในฐานะนักเตะ แต่ยังในฐานะคนๆ หนึ่ง และนี่เป็นสิ่งสวยงาม เพราะพวกเขาเห็นคุณค่าของเรา ไม่ใช่แค่แฟนบอลของเรา แต่ยังคนอื่นด้วย พวกเขาบอกกันว่าให้ดูนักเตะที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกลงเล่นในสนามของเซเรีย บี เราเล่นเพื่อ ยูเว่ และไม่สนใจเรื่องอื่นเลย เมื่อคุณสวมเสื้อตัวนี้ คุณเพียงต้องต่อสู้เท่านั้น” – พาเวล เนดเวด –
2.เมาโร คาโมราเนซี
พ่อหนุ่มผมงามผู้นี้ ค้าแข้งอยู่กับยูเวนตุสอย่างยาวนานถึง 8 ฤดูกาล และด้วยความ คาโมราเนซี รู้ดีว่า ยูเวนตุส คือผู้มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้มาตลอด ในยามที่ต้นสังกัดต้องตกต่ำ เขาจะไม่ยอมทิ้งสโมสรไปไหนอย่างแน่นอน
3.จานลุยจิ บุฟฟ่อน
“ในปี 2006 หลังกัลโช่โปลี หลายสโมสรยักษ์ใหญ่ติดต่อผมเข้ามา แต่ผมตัดสินใจอยู่ ยูเว่ ต่อไปเพื่อแสดงความกตัญญู ฟุตบอลไม่เป็นเพียงเรื่องธุรกิจ มันยังเป็นเรื่องของความรู้สึกอีกด้วย” – จานลุยจิ บุฟฟ่อน –
4.ดาวิด เทรเซเกต์
“กัลโช่โปลี? นักเตะทุกคนจำต้องเลือกโชคชะตาของเขาว่าจะอยู่หรือไป การอยู่ต่อหมายความว่าเราต้องเริ่มต้นเซเรีย บี ด้วยการถูกหัก 16 คะแนน ในช่วงเวลานั้นผมรู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อ ยูเว่ เราตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือทีม และเพื่อเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่” – ดาวิด เทรเซเกต์ –
5.อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่
“เซเรีย บี เป็นฉากหนึ่งที่โผล่ขึ้นมา และผมจะระลึกถึงมันเสมอ ผมจำได้ถึงตอนเดินก้าวลงสู่สนามที่ ริมินี่ กับการได้กลิ่น
ป๊อปคอร์น, กลิ่นขนมปังแผ่น และกลิ่นไส้กรอก มันสวยงามมาก ตอนนี้ผมสามารถบอกแบบนั้นได้เลย ในช่วงเวลานั้น
มันยากมาก” – อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่-